การผลิตพลังงานไฟฟ้า ด้วยพลังงานที่มีความหลากหลายถือเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสังคม เพื่อเอาตัวรอดในกรณีที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ในช่วงที่เกิดสงคราม ไปจนถึงในช่วงที่สภาพอากาศรุนแรง แนวคิดนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายหลังการเคลื่อนตัวเข้ามาของ Polar Vortexที่ส่งผลให้พลังงานนิวเคลียร์ พลังงานลม ก้าวขึ้นมามีความสำคัญ เมื่อก๊าซและถ่านหินไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
Polar Vortex ดูเหมือนเป็นคำที่เกิดขึ้นใหม่ในวงการข่าว แต่ในความจริงแล้วเป็นคำที่มีมานานแล้ว เป็นคำที่ใช้เรียก ระดับความสูงของความกดอากาศต่ำที่วนอยู่เหนืออาร์กติกในฤดูหนาว ที่หมุนตัวอยู่ในขั้วโลกเหนือ เมื่อ Polar Vortex เคลื่อนตัวลงต่ำจะนำอากาศที่หนาวเย็นออกจากอาร์กติก เข้ามาสู่บริเวณ แคนาดา และอเมริกา ด้วยในฤดูหนาว เหมือนกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลของการเคลื่อนตัวลงต่ำกว่าปกติ เป็นผลให้สภาพอากาศในอเมริกา ในตอนกลาง ตะวันออก อยู่ในสภาพอากาศที่หนาวเย็น นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งข้อสงสัยว่า การละลายของมหาสมุทรอาร์กติก ได้ส่งผลต่อพฤติกรรมของ Polar Vortex ที่มีการเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยครั้ง และต้องใช้ระยะเวลาหลายปีโดยเฉลี่ยในการเกิด ครั้งล่าสุดเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา
การเคลื่อนที่เข้ามาได้ส่งผลต่อโครงข่ายไฟฟ้าในอเมริกา หนีไม่พ้นกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากอากาศหนาวเย็น และการแข็งตัวของน้ำตามที่ต่างๆ ผลกระทบที่เกิดจาก
Polar Vortex ทำให้เกือบทุกระบบในมลรัฐกว่าครึ่งหนึ่งในอเมริกาได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเชื้อเพลิงประเภทฟอสซิล ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ถ่านหินที่ถูกแช่แข็ง, เครื่องกำเนิดไฟฟ้าไม่สามารถทำงานได้ดีในอุณหภูมิต่ำ และเมื่อก๊าซและท่อไม่สามารถทำงานได้เพียงพอกับความต้องการ เป็นผลให้ราคาไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้น
ปัญหาแรกที่เกิดขึ้นจากความหนาวเย็นที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง ได้ส่งผลต่อการผลิตไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติในการสร้างความร้อน ประชาชนที่ต้องการสร้างความอบอุ่นให้กับตนเองและครอบครัว ทำให้มีความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความอบอุ่นในอุณหภูมิปกติ พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบที่กินวงกว้างกว่าปกติ ส่งผลให้ มลรัฐ อย่าง Louisiana ที่โดยปกติไม่เปิดเครื่องทำความร้อน มีความต้องการพลังงานมากขึ้น ใน New England การผลิตไฟฟ้าติดขัดมาก เป็นผลให้ผู้ดูแลระบบ ต้องนำถ่านหินสกปรกมาใช้และโรงงานน้ำมันพยายามสร้างการผลิตที่แตกต่างออกไป ขณะที่พลังงานนิวเคลียร์ไม่ได้ประสบกับปัญหาดังกล่าวทั้งยังเป็นผู้ให้บริการผลิตไฟฟ้าใน New Englandด้วยขอบเขตการส่งออกที่ 27 – 29 % ขณะที่น้ำมัน 15 % และถ่านหิน 14 %
ที่มา :
Polar Vortex – Nuclear Saves The Day.
(15 มกราคม 2557).
http://www.forbes.com/sites/
jamesconca/2014/01/12/polar-vortex-nuclear-saves-the-day/
pdf_1390464020